ดินแดนลึกลับมีอยู่มากมายบนโลกใบนี้
ทิ้งปริศนาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ครุ่นคิด หาเหตุผลของการสร้าง ว่าทำไม ใครสร้าง สร้างได้อย่างไร
ใช้เครื่องมืออันใดมาสร้าง แล้วจุดประสงค์หลักของการสร้าง ๆ เพื่ออะไร หรือสร้างมาเพื่อประกอบพิธีกรรมที่ต้องใช้เวทมนต์คาถาที่มีอยู่จริงในอดีต
หรือมันเป็นเกมที่ชนรุ่นเก่าทิ้งไว้ให้ชนรุ่นใหม่ได้เล่นเกมกระดานนี้ต่อ
หรือ เพื่อให้ศตวรรษใหม่ของพวกเราสานต่องานที่ยังสร้างไม่เสร็จเพื่อเชื่อมโยงปริศนาจากดวงดาวมายังโลกเพื่อ
หาว่าสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาได้อย่างไร โดยเฉพาะมนุษย์ ? สถานที่แรกที่แนะนำไปสืบค้นหาขอไกลตัวไปนิดนะ
นั่นคือ
1. “สโตนเฮนจ์” ( Stonehenge ) ปริศนาที่รอการพิชิตคำตอบสุดท้าย
สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge ) ดินแดนลี้ลับที่ซ่อนปริศนามายาวนานหลายศตวรรษ ก่อให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย สร้างมาเพื่อทำการสิ่งใด? สร้างมาทำไม? ใครเป็นผู้สร้าง? แล้วสร้างได้อย่างไร? หลายคนเชื่อว่าเป็นสถานที่ดูดาวบ้าง หรือแม้กระทั่งเป็นที่จอดยานของมนุษย์ต่างดาว
สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge ) ดินแดนลี้ลับที่ซ่อนปริศนามายาวนานหลายศตวรรษ ก่อให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย สร้างมาเพื่อทำการสิ่งใด? สร้างมาทำไม? ใครเป็นผู้สร้าง? แล้วสร้างได้อย่างไร? หลายคนเชื่อว่าเป็นสถานที่ดูดาวบ้าง หรือแม้กระทั่งเป็นที่จอดยานของมนุษย์ต่างดาว
สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge ) ตั้งอยู่กลางทุ่งราบกว้างใหญ่บนที่ราบ ซาลิสบอรี่ (Salisbury Plain) เมืองวิลต์เชียร์ ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ นักโบราณคดีเชื่อว่า กลุ่มกองหินเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งมีอายุยาวนานมากกว่า 5,000 ปี
ประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ จำนวน 112 ก้อนซึ่งแท่งหินแต่ละแท่งมีน้ำหนักกว่า
30 ตันขึ้นไป ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง
ซึ่งแต่แท่งวางตั้งขึ้นบ้าง นอนราบบ้าง และบางอันก็ถูกวางซ้อนทับกัน
ซึ่งนักโบราณคดีเชื่อว่าก่อนจะหันมาบูชาดวงอาทิตย์
มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เคยบูชาดวงจันทร์มาก่อน
จึงเป็นเหตุให้มีการแบ่งการก่อสร้าง สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge ) ออกเป็น 3 ช่วง ซึ่งเริ่มต้นเมื่อ
2.5 ล้านปีก่อน คือยุคหินเก่า หรือ ยุคพาเลียโอลิทิก ( The Paleolithic
) ยุคหินกลาง และยุคหินใหม่ หรือ
ยุคนีโอลิทิก (Neolithic) หรือเรียกว่ายุคทองเหลือง
และถือว่า สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge )
เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สมบูรณ์แบบที่สุด
หลังจากนั้นอีก 6 ปี คือในปี ค.ศ.2008 หรือ
ปีพ.ศ.2551 ได้มีทีมนักวิจัย ที่นำโดยไมก์ พาร์กเกอร์ เพียร์สัน จากมหาวิทยาลัยเซฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ
ได้พิสูจน์โครงกระดูกของมนุษย์โบราณที่ขุดค้นพบในบริเวณที่ตั้งของ สโตนเฮนจ์ (
Stonehenge ) โดยใช้กัมมันตภาพรังสีในรูปของคาร์บอนมาคำนวณหาอายุของอินทรียวัตถุ
(Radiocarbon) พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประกอบพิธีศพของกลุ่มชนชั้นสูงในยุคก่อนประวัติศาสตร์
โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
และเผยให้เห็นว่าหินก้อนแรกถูกวางตั้งเมื่อประมาณ 2,400 – 2,200 ปีก่อนคริสตกาล
ซึ่งรวมอายุทั้งหมดน่าจะประมาณ 5,000 ปีก่อนคริสตกาล บริเวณดังกล่าว
ถูกขุดเป็นร่องดินและกำแพงดินล้อมเป็นวงกลม มีหลุมอยู่ 56 หลุม ภายในบรรจุไม้ไว้
ต่อมาจึงมีการเรียงหินขนาดต่าง ๆกันขึ้นไป จนกลายเป็นสโตนเฮนจ์ ( Stonehenge )
ในปัจจุบัน
สโตนเฮนจ์
( Stonehenge )
และบริเวณโดยรอบได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1986 หรือ ปีพ.ศ. 2529 และยังถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
อีกด้วย
ถึงแม้ผลการพิสูจน์โครงกระดูกที่ถูกขุดมาจากบริเวณ
สโตนเฮนจ์ (
Stonehenge ) จะบ่งชี้ว่าเคยถูกใช้เป็นสุสาน ก็ไม่ได้หมายความว่า
นั่นคือ จุดประสงค์แรกของการสร้าง สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge )
เพียงอย่างเดียว
มีข้อสันนิษฐานในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19
เชื่อว่าเป็นวิหารที่พวกลัทธิครูอิดใช้ประกอบพิธีบูชาพระอาทิตย์
และการบูชายัญมนุษย์ ซึ่งจากแนวความคิดนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะสโตนเฮนจ์ (
Stonehenge )นั้นสร้างเสร็จอย่างน้อย 1,000
ปีก่อนลัทธิดังกล่าวจะเฟื่องฟู
อีกข้อสันนิษฐานหนึ่ง คือ ใช้เป็นสถานที่รักษา
ซึ่งทีมนักวิจัยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงและดนตรีจากมหาวิทยาลัย ฮัดเดอร์ฟิลด์
ได้ค้นพบว่า แท่งหินมหึมาที่ตั้งเรียงตัวเป็นวงกลมเหนือเนินดิน
สามารถสะท้อนเสียงได้อย่างวิเศษ คาดว่าดนตรีที่เล่นกันบริเวณ สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge )
คงเป็นเพลงที่มีจังหวะธรรมดาซ้ำ ๆ และให้สะท้อนก้องอยู่ในบริเวณนั้น
ตรงกันกับเทคโนโลยีกลศาสตร์นาโน ในปัจจุบัน
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุงงานวิจัยด้านการแพทย์ การผ่าตัด และการผลิตอาหาร
อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งคือ สโตนเฮนจ์ (
Stonehenge ) ถูกสร้างเพื่อศึกษาด้านดาราศาสตร์
สำหรับไว้สังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า เช่น การเกิดสุริยุปราคา
และการเกิดจันทรุปราคา
เพื่อนำมาเป็นเครื่องคำนวณซึ่งใช้ในการทำปฏิทินดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์
ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เพราะแนวของก้อนหินกลุ่มต่าง ๆ ถูกจัดเรียงตามความสัมพันธ์กับแนวการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์
ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ
นักโบราณคดีแบบดั้งเดิมได้สันนิษฐานว่าวัตถุประสงค์สำคัญของ สโตนเฮนจ์ (Stonehenge )ถูกสร้างมาเพื่อต้องการให้ประชาชนได้เห็นถึง
ความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ในแง่มุมใหม่ ๆซึ่งต้องใช้การสังเกตที่ยาวนาน
และยังเป็นศูนย์รวมการนัดพบกันเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น ในท่ามกลางฤดูร้อน
และยังคงสืบทอดประเพณีนี้ ซึ่งในขณะนั้น ดวงอาทิตย์ได้ถูกกำหนดหน้าที่ขึ้นมา คือ
เป็นวิหารแห่งดวงอาทิตย์ และอีกส่วนหนึ่งไปเป็นปฏิทินแสงแดด
นักโบราณคดีเชื่อว่า สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge )
ถูกโยงให้มีความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ เกี่ยวโยงกับเพศ
ซึ่งดวงจันทร์ถูกนำไปเกี่ยวข้องกับเพศหญิง
และดวงอาทิตย์ถูกนำไปเกี่ยวข้องกับเพศชาย
ทำให้มีข้อสันนิษฐานว่า สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge )
อาจถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเทิดทูนเทพีแห่งดวงจันทร์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ ได้ค้นพบว่า
ตำแหน่งของดวงจันทร์ จะเปลี่ยนไประหว่างขั้วโลกเหนือ และ ขั้วโลกใต้
และที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งคือ สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge ) สามารถดักจับแสงของดวงจันทร์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
ผ่านหน้าต่าง สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge )ได้ทุก
ๆเดือนใน 1 ปี และ ควบคู่ไปกับ
การเทิดทูนเทพแห่งดวงอาทิตย์ จนปัจจุบัน เรายังไม่รู้วัตถุประสงค์ที่แท้จริง
และยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้สร้าง สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge )ยังคงเป็นปริศนาให้แกะรอยตามหากันต่อไป
ขอบคุณแหล่งข้อมูล และรูปภาพประกอบ
นิตยสารส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ Go Genius ปีที่ 4
ฉบับที่ 40 สิงหาคม 2551
ในเครือบริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัด
wikipedia
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น